วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา

พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา
คำอธิบายขั้นตอนการทำพินัยกรรมด้วยวาจา
เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ ซึ่งบุคคลใดไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กฎหมายกำหนด ไว้ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย หรือเวลามีโรคระบาด หรือสงคราม ซึ่งในพฤติการณ์เช่นนี้ ผู้ทำพินัยกรรมไม่อาจหาเครื่องมือเครื่องเขียนได้ทันท่วงที หรือกว่าจะหาได้ก็ถึงตายเสียก่อน ผู้ทำ
พินัยกรรมสามารถทำพินัยกรรมด้วยวาจาได้ ดังนี้

1. ผู้ทำพินัยกรรมแสดงเจตนากำหนดข้อพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คน ซึ่งอยู่พร้อมกัน
ณ ที่นั้น
2. พยานทั้งหมดต้องไปแสดงตนต่อนายอำเภอโดยมิชักช้า และแจ้งให้นายอำเภอทราบถึง
ข้อความเหล่านี้
- ข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สั่งไว้ด้วยวาจา
- วัน เดือน ปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรม
- พฤติการณ์พิเศษที่ขัดขวางมิให้สามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นด้วย
3. ให้นายอำเภอจดข้อความที่พยานแจ้งไว้ และพยานทั้งหมดนั้นต้องลงลายมือชื่อ ถ้าลงลายมือชื่อไม่ได้
จะลงลายพิมพ์นิ้วมือ โดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรอง 2 คนก็ได้ และความสมบูรณ์แห่งพินัยกรรมนี้
ย่อมสิ้นไป เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่เวลาผู้ทำพินัยกรรมกลับมาสู่ฐานะที่จะทำพินัยกรรมตาม
แบบอื่นที่กฎหมายกำหนดไว้

ตัวอย่าง
พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา
พินัยกรรมของ...................................................
เขียนที่.............................
วันที่............เดือน............พ.ศ............

ด้วย............ (ชื่อพยาน)............อยู่บ้านเลขที่............หมู่ที่............ ตำบล............อำเภอ............จังหวัด............กับ............(ชื่อพยาน)............ อยู่บ้านเลขที่............หมู่ที่............ตำบล............ อำเภอ.............จังหวัด............ พยาน............คน ได้แจ้งมาว่า............(ระบุชื่อผู้ทำพินัยกรรม)............
อยู่บ้านเลขที่............หมู่ที่.............ตำบล............อำเภอ............จังหวัด............ได้............
(ระบุพฤติการณ์พิเศษที่ขัดขวางมิให้ทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นได้)
...................................................................................................................................................... ซึ่งไม่สามารถทำพินัยกรรมตามแบบต่างๆ ที่ได้
กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ แสดงเจตนากำหนดข้อพินัยกรรมต่อหน้า
พยานซึ่งอยู่พร้อมกัน ณ............ (สถานที่ทำพินัยกรรม)............เมื่อวันที่............เดือน............พ.ศ............ ดังมีข้อความต่อไปนี้


ข้อ 1 ถ้า.............(ระบุชื่อผู้ทำพินัยกรรม)............. ถึงแก่ความตายไปแล้ว ให้บรรดาทรัพย์สินของ .............(ระบุชื่อผู้ทำพินัยกรรม) .............ที่มีอยู่และจะเกิดขึ้นภายหน้า ตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ที่ได้ระบุชื่อไว้
ในพินัยกรรมนี้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ คือ
(1) ……………………………………………………….
(2) ……………………………………………………….
(3) ……………………………………………………….

ข้อ 2 .............(ระบุชื่อผู้ทำพินัยกรรม).............ขอให้มอบพินัยกรรมนี้ แก่................................................................. และขอตั้งให้..........................เป็นผู้จัดการมรดกและให้มีอำนาจ หน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ

ข้อ 3.............................................................................................................................................................................................................................

ข้อ 4 ข้อความแห่งพินัยกรรมนี้ กรมการอำเภอได้อ่านทบทวนให้พยานฟังโดยตลอดแล้วพยานยืน
ยันว่าเป็นการถูกต้องตรงตามความที่.............(ระบุชื่อผู้ทำพินัยกรรม).............สั่งไว้ด้วยวาจาทุกประการ
จึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้ากรมการอำเภอเป็นสำคัญ

(ลงลายมือชื่อ)....................................................พยาน ผู้รับคำสั่งจากผู้ทำพินัยกรรม
(ลงลายมือชื่อ)...................................................พยานผู้ รับคำสั่งจากผู้ทำพินัยกรรม
(ลงลายมือชื่อ)...................................................พยาน รับรองลายมือชื่อ
(ลง ลายมือชื่อ)..................................................พยานรับรอง ลายมือชื่อ
วันที่..................เดือน..................พ.ศ..................
ลายมือชื่อ......................................................... กรมการอำเภอ
ประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ
ลงสมุดทะเบียนพินัยกรรมแล้วเลขที่.............................................................
..................................................................
เจ้าหน้าที่


เขียนโดย
น.ส.สุภาภรณ์ ผกาพรหม เลขที่ 41 รปศ.501

1 ความคิดเห็น: